หนังแท้ คือหนังที่ได้มาจากสัตว์ต่าง ๆ เช่น วัว ควาย จระเข้ แกะ ปลากระเบน และสัตว์ป่าอื่น ๆ เป็นต้น โดยนำหนังดิบไปผ่านกรรมวิธีในการฟอกแบบต่าง ๆ และแปรรูป เพื่อรักษาสภาพหนังเอาไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย หนังแท้จะมีคุณลักษณะอ่อนนุ่ม เรียบ สีสันสวยงาม ซึ่งวิธีการฟอกจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทของสัตว์ กระเป๋าหนังแท้ที่ฟอกอย่างถูกต้อง จะมีความทนทาน และมีอายุการใช้งานมากกว่ากระเป๋าแบบอื่น ๆ
ซึ่งการนำเครื่องหนังมาใช้นั้นเป็นการบ่งบอกถึงความนิยมและฐานะ โดยเราสามารถสังเกตได้จาก แบรนด์ชั้นนำทั่วโลกมักจะใช้หนังแท้มาออกแบบงานอยู่เสมอ มาดูกันว่าแต่ละประเภทมีข้อดีต่างกันอย่างไรบ้าง
– หนังแท้แต่ละประเภท มีข้อดีอย่างไร
1. หนังชั้นแรก (Full Grain) ลวดลายของหนังจะยังคงธรรมชาติ เมื่อผ่านการฟอกเรียบร้อยแล้ว เมื่อนำมาตกแต่งโดยการพ่นเงาเน้นลายก็จะขึ้นมาเอง เหมาะสำหรับผลิตเป็นหน้าด้านหน้าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งจะมีราคาสูงแบรนด์ชั้นนำส่วนใหญ่มักจะนำหนังประเภทนี้ไปใช้ผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น กระเป๋าหนังแท้ รองเท้าหนัง เป็นต้น
2. หนังชั้นกลาง (Split) มีโครงสร้างดี จึงนิยมนำไปผลิตเป็นหนังประเภท Nubuck หรือ Suede และยังนำไปสร้างเป็นลวดลายเทียมได้ หนังประเภทนี้เหมาะกับการใช้เป็นหนังหน้าผลิตเครื่องหนัง มีราคาปานกลางจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และหาซื้อง่ายได้ทั่วไป
3. หนังชั้นสุดท้าย (Lining) หนังประเภทนี้ไม่เหมาะจะนำมาใช้เป็นหนังหน้า ส่วนใหญ่จึงจะทำเป็นซับด้านในของผลิตภัณฑ์เครื่องหนังเท่านั้น
4. เศษหนัง (Bonded Leather) เกิดจากเศษของการตัดหนังทั้ง 3 ประเภทดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น นำมาผสมกับกาวแล้วม้วนเป็นแผ่น จากนั้นนำไปโค้ตด้วยพียู หนังชนิดนี้มีราคาไม่สูงจนเกินไป ทำให้แบรนด์ทั่วไปนิยมนำไปใช้ทำกระเป๋า รองเท้า ข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับหนังต่าง ๆ มากมายหลายชนิด
– การสังเกตว่าเป็นหนังแท้หรือหนังเทียม
เมื่อดูจากสายตากระเป๋าหนังแท้จะมีความเป็นธรรมชาติสูง ลวดลายจะไม่เป็นระเบียบ ในส่วนของกลิ่น ซึ่งหนังแท้จะผ่านกระบวนการฟอกเพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทำให้มีกลิ่นของน้ำยาฟอกหนังติดอยู่ตลอดเวลา ด้านการคืนตัวของหนังแท้จะคืนตัวต่ำ หากเอามือกดจนเป็นรอยจะคืนตัวได้ยาก ที่สำคัญหนังแท้จะมีคุณสมบัติทนไฟ เมื่อถูกไฟจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยามากนัก หรืออาจจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ข้อเสียคือเมื่อโดนน้ำจะเกิดคราบขึ้นได้ง่าย อาจเป็นจุดเป็นดวงบริเวณหนัง ดังนั้นไม่ควรนำหนังแท้ไปใกล้ความชื้นหรือโดนน้ำ และสีของหนังแท้ยิ่งใช้เป็นเวลานาน ๆ จะยิ่งมีสีเข้ม ยิ่งใช้ยิ่งสวย หากได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
มาถึงตรงนี้คงทราบกันแล้วว่าหนังแท้ในแต่ละประเภทมีข้อดีอย่างไร และวิธีการสังเกตว่าแบบไหนเป็นกระเป๋าหนังแท้ ซึ่งหากต้องการที่จะครอบครองกระเป๋าหนัง 100 เปอร์เซ็นต์ ไว้ใช้สักใบ ซึ่งมักจะมีราคาสูงพอสมควร เนื่องจากต้นทุนในการผลิตมีราคาแพงมากกว่าการใช้หนังเทียม ดังนั้นหากซื้อสินค้าที่ทำมาจากหนังแท้ ควรพิจารณาถึงเงินในกระเป๋าของตัวเองก่อนว่ามีเพียงพอหรือไม่ เมื่อเป็นเจ้าของกระเป๋าหนังแล้วควรหมั่นดูแลรักษาให้เหมาะสม จะได้มีกระเป๋าหนังใบโปรดใช้ได้นานหลายสิบปีเลยทีเดียว
เครดิตภาพ : siambag789.com / smeleader.com / captainleather.com
YouTube : https://www.youtube.com/watch?v=FroWZYmNCKA วิธีดู หนังแท้ VS หนังเทียม
https://www.youtube.com/watch?v=2uL-WvRR5iI การทำความสะอาดกระเป๋าหนังแท้
#แฟชั่นใหม่ #การแต่งตัว #ความงาม #สไตล์การแต่งหน้า #Lifestyle #กระเป๋าหนังแท้
